เครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge) นั้น มีประโยชน์หลากหลายในการวัดขนาดรูเจาะ ตรวจสอบความกลม ความเรียบ และเปรียบเทียบขนาดกับชิ้นงานอื่นๆ นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือวัดที่มีความสำคัญมากในงานช่างกลและงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าเครื่องมือนี้มีคุณสมบัติอย่างไร สามารถใช้งานอะไรได้บ้าง PROTOOL จะพาไปทำความรู้จักกับเครื่องมือวัดพินเกจอย่างละเอียดเอง จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย
เครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge) คืออะไร?
พินเกจ (Pin Gauge) คือ เครื่องมือวัดชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับตรวจสอบขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางรูเจาะ ว่าอยู่ในมาตรฐานของการผลิตหรือไม่ โดยจะมีค่าความละเอียดทั้งแบบทศนิยม 2 ตำแหน่ง เช่น 2.00 และทศนิยม 3 ตำแหน่ง เช่น 9.750 เป็นต้น
เครื่องมือวัดพินเกจนั้น จะมีอยู่ 4 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่
- พินเกจแบบปลายแหลม (Tapered Pin Gauge) : ใช้สำหรับวัดขนาดรูเจาะที่มีขนาดเล็ก
- พินเกจแบบปลายเรียบ (Plain Pin Gauge) : จะมีปลายเรียบ ใช้สำหรับวัดขนาดรูเจาะที่มีขนาดใหญ่
- พินเกจแบบเกลียว (Thread Pin Gauge) : ใช้สำหรับวัดขนาดรูเจาะที่เป็นเกลียว มีให้เลือกใช้หลายขนาด หลายเกลียว
- พินเกจแบบพิเศษ (Special Pin Gauge) : เป็นพินเกจในรูปแบบอื่น ๆ ที่ออกแบบมาสำหรับวัดขนาดรูเจาะที่มีรูปร่างพิเศษโดยเฉพาะ เช่น พินเกจแบบโค้ง หรือแบบสี่เหลี่ยม เป็นต้น
ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว พินเกจจะจะจัดจำหน่ายเป็นชุด ชุดละประมาณ 10 ตัวขึ้นไป ในแต่ละชุดจะประกอบด้วยพินเกจหลายขนาด เพื่อให้สามารถเลือกใช้งานในการวัดขนาดรูเจาะได้อย่างเหมาะสม
คุณสมบัติของพินเกจ (Pin Gauge)
เครื่องมือวัดพินเกจจะมีให้เลือกทั้งแบบเหล็ก เซรามิก และคาร์ไบด์ โดยวัสดุแต่ละแบบจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันดังนี้
1. พินเกจเหล็ก
- มีคุณสมบัติไม่เป็นสนิมและทนต่อการกัดกร่อน
- มีแม่เหล็กอ่อน และมีความแข็งสูง
- ผ่านกระบวนการอบชุบด้วยความร้อนหลายขั้นตอน ความแข็งของพินเกจเหล็กสูงกว่า HV800 – 1200
- ขนาดจะเสถียรมากหลังการบำบัดด้วยความเย็นจัดที่อุณหภูมิ -198°C โดยจะมีความแข็งจะอยู่ที่ HRC58-62
2. พินเกจเซรามิก
- มีคุณสมบัติต้านการกัดกร่อนและไม่เป็นสนิม
- ทนต่อสารเคมีได้ดี จัดเก็บง่าย
- มีค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวจากความร้อนเกือบเท่ากับเหล็ก
- ไม่จำกัดอุณหภูมิและใช้งานได้ยาวนาน
- ไม่เป็นแม่เหล็ก ไม่เหนียวเหนอะหนะ
3. พินเกจคาร์ไบด์
- มีคุณสมบัติความแข็งสูง
- ทนต่ออุณหภูมิสูง ทนต่อการกัดกร่อน
- อายุการใช้งานยาวนาน
- มีค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวทางความร้อนที่ไม่มีนัยสำคัญ เพื่อให้การบิดเบือนความร้อนน้อยที่สุด
พินเกจ (Pin Gauge) ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
เครื่องมือวัดพินเกจสามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ดังนี้
- วัดขนาดของรูเจาะที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กว่าได้มาตรฐานหรือไม่ : หากสวมพินเกจลงไปในรูเจาะแล้วพอดี แสดงว่าขนาดของรูเจาะได้มาตรฐาน
- ตรวจสอบความกลมของรูเจาะ หากใส่พินเกจลงไปในรูเจาะ แล้วหมุนรอบ ๆ ได้อย่างสมูท ไม่มีติดขัด แสดงว่ารูเจาะมีความกลม แต่หากติดขัด แสดงว่ามีความเบี้ยว หรือไม่กลม
- ตรวจสอบความเรียบของผิวรูเจาะ : หากพินเกจสัมผัสกับผิวของรูเจาะแล้วไม่มีรอยขีดข่วน แสดงว่า ผิวรูเจาะมีความเรียบเนียน แต่ถ้าเกิดรอยขีดข่วน แสดงว่าไม่เรียบเนียน
- ใช้เป็นมาตรฐานการอ้างอิงขนาดรูเจาะ : เนื่องจากพินเกจจะมีขนาดที่เสถียร สามารถใช้อ้างอิงขนาดของรูเจาะชิ้นงานต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
วิธีการใช้งานเครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge)
การใช้งานเครื่องมือวัดพินเกจ ทั้งการตรวจสอบขนาดรูเจาะบนชิ้นส่วนเครื่องจักร การเปรียบเทียบขนาดรูเจาะบนชิ้นงานสองชิ้นงาน การตรวจสอบความกลมของรูเจาะ หรือความเรียบของผิวรูเจาะ ล้วนมีขั้นตอนดังนี้
- เลือกพินเกจที่มีขนาดให้ใกล้เคียงกับรูเจาะมากที่สุด โดยอาจใช้ไมโครมิเตอร์ (Micrometer) ในการวัดขนาดรูเจาะก่อน
- ทำความสะอาดผิวรูเจาะและพินเกจ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง หรือเศษวัสดุเข้าไปอุดตันในรูเจาะ แล้วทำให้การวัดผิดพลาดได้
- สวมพินเกจลงไปในรูเจาะในแนวตั้งขนาดกับพื้น หลังจากนั้นให้กดพินเกจลงไปเบา ๆ จนสุดรูเจาะ
- หากพินเกจสวมได้พอดี แสงดว่าขนาดรูเจาะตรงตามมาตรฐาน หากสวมลงไม่ได้ แสดงว่าขนาดรูเจาะเล็กกว่ามาตรฐาน หากสวมลงได้ง่าย แสดงว่าขนาดของรูเจาะใหญ่กว่ามาตรฐาน
- หมุนพินเกจภายในรูเจาะเพื่อดูความกลม หากหมุนได้อย่างสมูท ไม่มีติดขัด แสดงว่ารูเจาะมีความกลมที่ได้มาตรฐาน แต่ถ้าติด ๆ ขัด ๆ แสดงว่ารูเจาะมีความเบี้ยว หรือไม่กลม
- หลังจากนั้นให้สัมผัสผิวรูเจาะด้วยปลายพินเกจ หากไม่มีรอยขีดข่วนบนพินเกจ แสดงว่าผิวเรียบเนียน แต่ถ้าเกิดรอยขีดข่วน แสดงว่าผิวรูเจาะไม่เรียบเนียน
- เมื่อตรวจสอบทั้งขนาด ความกลม และความเรียบแล้ว ให้บันทึกข้อมูลต่าง ๆ ให้เรียบร้อย รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างตำแหน่งรูที่เจาะ วันที่ทำการวัด และผู้วัด เป็นอันเรียบร้อย
เครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge) กับ ปลั๊กเกจ (Plug Gauge) ต่างกันอย่างไร?
พินเกจ (Pin Gauge) เป็นเครื่องมือที่ใช้วัดขนาดของรูเจาะ ตรวจสอบความกลม ความเรียบ และเปรียบเทียบขนาดของรูเจาะกับชิ้นงานอื่น ๆ มีข้อดีตรงที่มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก ราคาไม่แพง สามารถใช้วัดขนาดรูเจาะที่มีขนาดเล็กได้ และมีความแม่นยำสูง แต่มีข้อจำกัดตรงที่ใช้เวลานานในการวัดรูเจาะหลายรู และไม่สามารถวัดความลึกของรูเจาะได้ในขณะที่ปลั๊กเกจ (Plug Gauge) เป็นเครื่องมือตรวจสอบว่า ขนาดรูเจาะอยู่ในช่วงที่กำหนดไว้ (GO/NOGO) หรือไม่ และตรวจสอบความลึกของรูเจาะได้ มีข้อดีตรงที่ใช้งานสะดวก รวดเร็ว แต่จะมีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถวัดขนาดรูเจาะที่มีขนาดเล็กได้ มีขนาดใหญ่ และมีราคาแพงกว่าพินเกจ
ข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge)
การใช้งานเครื่องมือวัดพินเกจ มีข้อควรระวังนี้ดังนี้
- ควรเลือกพินเกจที่มีขนาดใกล้เคียงกับรูเจาะมากที่สุด เพื่อการวัดที่แม่นยำ
- ควรใช้งานพินเกจอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการตกหล่น หรือกระแทก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย
- ควรเก็บเครื่องมือวัดพินเกจไว้ในอุณหภูมิที่เหมาะสม แห้งและสะอาด หมั่นทาน้ำมันกันสนิม เพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น
เครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge) ราคาเท่าไหร่?
ราคาเครื่องมือวัดพินเกจจะแตกต่างกันไปตามชนิดของพินเกจ วัสดุที่ใช้ ขนาด และจำนวนพินเกจในชุด แต่โดยทั่วไปจะมีราคาเริ่มต้นที่ประมาณชุดละ 380 – 13,000 บาทเลย หากอยากทราบราคาที่แน่นอน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ของ PROTOOL ได้เลย!
PROTOOL พร้อมจัดจำหน่ายเครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge) ส่งตรงถึงบ้านคุณ
PROTOOL แหล่งจัดจำหน่ายเครื่องมือวัดพินเกจ (Pin Gauge) คุณภาพสูง มีให้เลือกครบทั้งพินเกจเหล็ก พินเกจเซรามิก พินเกจคาร์ไบด์ หลากหลายขนาด หลากหลายรูปแบบ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ สำหรับท่านใดที่กำลังหาซื้อเครื่องมือวัดพินเกจอยู่ แต่ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนดี สามารถสั่งออนไลน์กับ PROTOOL ได้เลยที่ Line OA PROTOOL GAUGE , 02-123-3822 และ 085-660-5531 เราพร้อมจัดส่งทั่วประเทศไทย
