Search
Close this search box.

รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับแอร์เกจ (Air Gauge)

หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูง ใช้งานง่าย และวัดชิ้นงานได้อย่างรวดเร็ว แอร์เกจ (Air Gauge) นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม โดยเครื่องมือนี้จะมีจุดเด่นตรงที่มีให้เลือกหลายประเภท ตอบโจทย์กับเป้าหมายการวัดที่แตกต่างกัน และสามารถวัดขนาดชิ้นงานได้โดยไม่ต้องสัมผัสชิ้นงาน หมดกังวลเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดกับชิ้นที่มีความเปราะบางมาก แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเครื่องมือวัดชนิดนี้ PROTOOL จะพาไปทำความรู้จักกับเครื่องมือวัดแอร์เกจ (Air Gauge) อย่างละเอียดเอง จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย

แอร์เกจ (Air Gauge) คืออะไร?

แอร์เกจ (Air Gauge) คือ เครื่องมือวัดขนาดแบบใช้ลม โดยจะใช้หลักการไหลของอากาศในการวัดขนาดของชิ้นงาน เริ่มจากใช้หัววัดปล่อยอากาศไปยังชิ้นงาน แล้วใช้เซนเซอร์ตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของการไหลอากาศ และแสดงค่าการวัดบนหน้าจอ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของการไหลอากาศจะขึ้นอยู่กับ

  • ขนาดของชิ้นงาน : ชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่ จะทำให้การไหลของอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
  • ระยะห่างระหว่างหัววัดกับชิ้นงาน : ระยะห่างที่ใกล้ จะทำให้การไหลของอากาศเปลี่ยนแปลงมาก
  • แรงดันอากาศ : แรงดันอากาศที่สูง จะทำให้การไหลของอากาศเปลี่ยนแปลงมาก

แอร์เกจ (Air Gauge) มีกี่ประเภท?

แอร์เกจ (Air Gauge) มีหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น 

  • Air Plug Gauge : ใช้สำหรับวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายในของชิ้นงาน โดยจะมีหัววัดแบบเกลียวสอดเข้าไปในรูชิ้นงาน มีหลายขนาดให้เลือกใช้ เหมาะสำหรับการวัดรูที่ต้องการความแม่นยำสูง
  • Air Ring Gauge : ใช้สำหรับวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของชิ้นงาน มีหัววัดแบบวงแหวนสำหรับสวมรอบชิ้นงาน มีหลายขนาดให้เลือกใช้ นิยมใช้ในการวัดชิ้นงานทรงกลมที่ต้องการความแม่นยำสูง
  • Air Snap Gauge : ทำหน้าที่เหมือนโพรบวัดและใช้ร่วมกับจอแสดงผล ใช้สำหรับวัดขนาดความโตนอก หรือ OD (Outer Diameter) ซึ่งเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของวัตถุทรงกลม หรือ เส้นผ่านศูนย์กลางที่วัดจากจุดที่อยู่ไกลที่สุดสองจุดบนพื้นผิวด้านนอกของวัตถุ

ข้อดีของแอร์เกจ (Air Gauge)

เครื่องมือวัดแอร์เกจ (Air Gauge) มีข้อดีตรงที่มีความแม่นยำสูง สามารถวัดชิ้นงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับชิ้นงาน จึงเหมาะสำหรับการวัดชิ้นงานที่มีความแม่นยำสูง ชิ้นงานที่เปราะบาง ชิ้นงานที่มีขนาดเล็ก หรือชิ้นงานที่มีรูปร่างที่ซับซ้อน ที่สำคัญยังใช้งานง่าย เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ

ข้อเสียของแอร์เกจ (Air Gauge)

แม้ว่าจะมีข้อดีหลายอย่าง แต่เครื่องมือวัดแอร์เกจ (Air Gauge) ก็มีข้อเสียเช่นกัน โดยเครื่องมือวัดชนิดนี้มีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องมือวัดอื่น ๆ จำเป็นต้องใช้เครื่องอัดอากาศในการทำงาน และไวต่ออุณหภูมิและความชื้น หากอุณหภูมิและความชื้นมีการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลต่อค่าการวัดได้

แอร์เกจ (Air Gauge) ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

แอร์เกจ (Air Gauge) แต่ละประเภทจะมีวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น

  • Air Plug Gauge : สามารถใช้วัดขนาดศูนย์กลางภายในรูบนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือชิ้นส่วนพลาสติกได้
  • Air Ring Gauge : สามารถใช้วัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอกของเพลา ลูกปืน และท่อได้
  • Air Snap Gauge : ใช้สำหรับวัดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก ความเรียบ ตั้งฉาก ทรงกระบอก และความกลมได้

วิธีการใช้งานแอร์เกจ (Air Gauge)

วิธีการใช้งานแอร์เกจ มีดังนี้

  • เตรียมแอร์เกจ เครื่องอัดอากาศ ชิ้นงาน และผ้าทำความสะอาดให้พร้อม
  • จากนั้นให้ตรวจสอบว่า แรงดันอากาศอยู่ในที่ช่วงที่กำหนดหรือไม่ หากอยู่ในช่วงที่กำหนดให้เเชื่อมต่อสายลมเข้ากับแอร์เกจ
  • ทำความสะอาดชิ้นงานที่จะวัดให้ดี อย่าให้มีฝุ่นละออง น้ำมัน หรือคราบสกปรกโดยเด็ดขาด
  • วางชิ้นงานบนฐานอย่างมั่นคง และตรงกับหัววัด
  • ปรับศูนย์หัววัดให้ตรงกับชิ้นงาน 
  • กดปุ่มวัด รอจนค่าการวัดบนหน้าจอคงที่ แล้วทำการบันทึกผล
  • เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ให้เช็ดทำความสะอาดเครื่องวัดแอร์เกจให้เรียบร้อย

ข้อควรระวังในการใช้งานแอร์เกจ (Air Gauge)

แอร์เกจ (Air Gauge) เป็นเครื่องมือวัดที่มีความแม่นยำสูง ใช้งานง่าย แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้งาน ดังนี้

  • ต้องทำความสะอาดชิ้นงานและหัววัดให้ดีก่อนใช้งาน
  • ต้องปรับแรงดันอากาศให้อยู่ในช่วงที่กำหนด หากต่ำเกินไปจะทำให้การไหลของอากาศไม่เพียงพอ หากสูงเกินไปจะทำให้ชิ้นงานเสียหายได้
  • จะต้องใช้งานในสภาพอากาศที่อุณหภูมิและความชื้นคงที่ หากอุณหภูมิและความชื้นมีการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลต่อค่าการวัดได้
  • ต้องมั่นใจว่าชิ้นงานวางบนฐานอย่างมั่นคง วางตรงกับหัววัด และหัววัดถูกปรับศูนย์ให้ตรงกับชิ้นงาน
  • ในระหว่างที่ใช้งานจะต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตาทุกครั้ง
  • เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว จะต้องเก็บเครื่องมือวัดแอร์เกจไว้ในกล่องที่แห้งและสะอาด และสอบเทียบเครื่องมือเป็นประจำ

แอร์เกจ (Air Gauge) ราคาเท่าไหร่?

ราคาเครื่องมือวัดแอร์เกจ (Air Gauge) จะแตกต่างกันไปตามประเภท รุ่น ความละเอียด ช่วงการวัด และฟังก์ชันการใช้งาน แต่โดยทั่วไปจะมีราคาอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 100,000 บาทเลย หากอยากทราบราคาที่แน่นอน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ของ PROTOOL ได้เลย!

PROTOOL จัดจำหน่ายแอร์เกจ (Air Gauge)พร้อมส่งตรงถึงบ้านคุณ

PROTOOL แหล่งจัดจำหน่ายเครื่องมือวัดแอร์เกจ (Air Gauge) คุณภาพสูง มีให้เลือกหลากหลายขนาด หลากหลายประเภท ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ สำหรับท่านใดที่กำลังหาซื้อแอร์เกจอยู่ แต่ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหนดี สามารถสั่งออนไลน์กับ PROTOOL ได้เลยที่ Line OA PROTOOL GAUGE , 02-123-3822 และ 085-660-5531 เราพร้อมจัดส่งทั่วประเทศไทย

บทความอื่นๆ
เครื่องตรวจผ้า บทความ
ทำความรู้จักกับเครื่องตรวจผ้า
การผลิตสิ่งทอคุณภาพสูงจำเป็นต้องมีการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด...
Subito
Subito เครื่องมือวัดขนาดและรูปทรงภายในรู จากแบรนด์ Schwenk
ในวงการอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูงและความน่าเชื่อถือในการวัดขนาดและรูปทรงของชิ้นงาน เครื่องมือวัดที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้...
Taper Gauge
Taper Gauge เครื่องมือวัดความเรียว
Taper Gauge หรือเกจวัดความเรียว เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความเรียวหรือมุมของรูหรือช่องในชิ้นส่วนต่าง...
Depth Gauge
Depth Gauge: เครื่องมือวัดความลึกที่แม่นยำสำหรับงานอุตสาหกรรม
Depth Gauge หรือเกจวัดความลึก เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความลึกของรู ร่อง หรือช่องต่าง ๆ ในงานอุตสาหกรรมและงานวิศวกรรม...
ULM
เครื่อง ULM: อุปกรณ์วัดความยาวที่มีความแม่นยำสูงสำหรับอุตสาหกรรม
ในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำในการวัดความยาวของชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ เครื่อง Universal Length Measuring...
สินค้าของเรา
Scroll to Top
Verified by MonsterInsights